พระราชวังสนามจันทร์ – นครปฐมแหล่งท่องเที่ยว
ผลิตภัณฑ์ / ตราสินค้า :
เจ้าของบริษัท/ฝ่ายการตลาด/ฝ่ายข้อมูล มีความสนใจที่จะลงโฆษณา ยี่ห้อสินค้า, ผลิตภัณฑ์, ตราสินค้า หรือปรับฐานข้อมูลให้ ล่าสุด ติดต่อสอบถามได้ที่อีเมล์
ข้อมูล : พระราชวังสนามจันทร์ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบริเวณที่เชื่อว่าเป็นพระราชวังเก่าของกษัตริย์สมัยโบราณที่เรียกว่า “เนินปราสาท” เพื่อใช้เป็นสถานที่ประทับเวลาเสด็จมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ และทรงเห็นว่านครปฐมเป็นเมืองที่มีชัยภูมิเหมาะสำหรับต้านทานข้าศึก ซึ่งจะยกเข้ามาทางน้ำได้อย่างดี ด้วยทรงจดจำเหตุการณ์ เมื่อ ร.ศ. 112 ที่ฝรั่งเศสนำเรือรบเข้ามาปิดปากอ่าวไทยได้ และไม่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยตกอยู่ในสภาพดังกล่าว จึงตั้งพระทัยที่จะสร้างพระราชวังสนามจันทร์ไว้สำหรับเป็นเมืองหลวงที่สอง หากประเทศชาติประสบปัญหาวิกฤติ พระราชวังใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี โดยมีพระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ (น้อย ศิลป์) เป็นแม่งาน สร้างแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2450 และได้พระราชทานนามว่า “พระราชวังสนามจันทร์” พระราชวังฯ มีเนื้อที่ประมาณ 888 ไร่ มีอาณาเขตกว้างขวาง ประกอบด้วยสนามใหญ่อยู่ตรงกลาง มีถนนโอบเป็นวงโดยรอบ และมีคูน้ำล้อมอยู่ชั้นนอก ส่วนพระที่นั่งต่าง ๆ รวมกันอยู่ส่วนกลางของพระราชวัง เท่าที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระที่นั่งพิมานปฐม เป็นพระที่นั่งองค์แรกในพระราชวังสนามจันทร์ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2450 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก ประดับลวดลายไม้ฉลุ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงใช้เป็นที่ประทับโดยเฉพาะช่วงก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นที่ทรงพระอักษร ที่เสด็จออกขุนนาง ที่รับรองพระราชอาคันตุกะ และที่ออกให้ราษฎรเข้าเฝ้ามากกว่าพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ภายในพระที่นั่งมีห้องต่าง ๆ อาทิ ห้องบรรทม ห้องสรง ห้องเสวย ห้องภูษา ฯลฯ มีพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาอยู่องค์หนึ่ง และมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังฝีมือพระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) และที่พระที่นั่งองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประทับทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ขององค์พระปฐมเจดีย์บนแท่นไม้สักมีขนาด 2 เมตร ชื่อว่า “พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย์” ปัจจุบันได้รื้อนำไปตั้งไว้หน้าพระที่นั่งพุทไธศวรรย์ ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี อยู่ทางทิศใต้ของพระที่นั่งพิมานปฐม เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น แบบตะวันตก และประดับลวดลายไม้ฉลุเหมือนกับพระที่นั่งพิมานปฐม ใช้เป็นที่ประทับของเจ้านายฝ่ายในสมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันชั้นบนจัดแสดงห้องพระบรรทม ห้องทรงงาน จำลองให้เข้ากับบรรยากาศในสมัยก่อน พระที่นั่งวัชรีรมยา เป็นตึก 2 ชั้น สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย หลังคาซ้อน มียอดปราสาทมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีงดงาม มีช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ครบถ้วน พระที่นั่งองค์นี้เคยใช้เป็นที่บรรทมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของศาลากลางจังหวัดนครปฐม พระที่นั่งสามัคคีมุขมาตย์ ถัดจากพระที่นั่งวัชรีรมยา โดยมีโถงใหญ่และหลังคาเชื่อมต่อกัน เป็นศาลาโถง ทรงไทย ยกสูงจากพื้นดินประมาณหนึ่งเมตร และมีอัฒจันทร์ลงสองข้าง หน้าบันอยู่ทางทิศเหนือ เป็นรูปจำหลักท้าวอมรินทราธิราชประทานพร ประทับอยู่ในพิมานปราสาทสามยอด พระหัตถ์ขวาทรงวชิระ พระหัตถ์ซ้ายประทานพร แวดล้อมด้วยบริวารประกอบด้วยเทวดาและมนุษย์ห้าหมู่ พระที่นั่งองค์นี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงใช้เป็นที่ออกงานสโมสรสันนิบาต เป็นท้องพระโรงเวลาเสด็จออกขุนนาง เป็นที่ประชุมข้าราชการและกองเสือป่า และใช้เป็นโรงละครสำหรับแสดงโขนอีกด้วย จึงมีชื่อเรียกติดปากชาวบ้านว่า “โรงโขน” พระที่นั่งมีลักษณะพิเศษ คือ ตัวแสดงจะออกมาปรากฏกายภายนอกฉากบนเฉลียงถึง 3 ด้าน มิใช่แสดงอยู่เพียงบนเวที โรงละครที่มีลักษณะดังกล่าวนี้มีอีก 2 แห่งคือ โรงละครสวนมิสกวันและหอประชุมโรงเรียนวชิราวุธ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ อยู่ทางทิศใต้ของสนามจันทร์ เป็นพระตำหนัก 2 ชั้นคล้ายปราสาทขนาดย่อมสีไข่ไก่ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง สถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ของฝรั่งเศสกับอาคารแบบฮาร์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ราว พ.ศ. 2451 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทม และห้องสรง ชั้นล่างทางทิศตะวันตกเป็นห้องรอเฝ้าฯ พระตำหนักหลังนี้ใช้เคยเป็นที่ประทับเวลามีการซ้อมรบเสือป่า ณ พระราชวังสนามจันทร์ และทรงใช้เป็นที่ประทับตลอดช่วงปลายรัชกาลเมื่อเสด็จพระราชวังสนามจันทร์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ เป็นเรือนไม้สักทอง 2 ชั้น แบบตะวันตก ทาสีแดง ลักษณะสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค พระตำหนักองค์นี้อยู่ด้านหลังพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ สองพระตำหนักเชื่อมต่อถึงกันด้วยสะพานทางเดินทอดยาว หลังคามุงกระเบื้อง ติดหน้าต่างกระจกตลอดความยาวสองด้าน จากชั้นบนด้านหลังพระตำหนักชาลีฯ ข้ามคูน้ำมาเชื่อมกับชั้นบนด้านหน้าของพระตำหนักมารีฯ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักนี้ราว พ.ศ. 2459 โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เป็นสถาปนิกออกแบบ พระตำหนักทั้งสองหลังสร้างขึ้นด้วยแรงบันดาลพระราชหฤทัยจากบทละครเรื่อง My friend Jarlet ของ Arnold Golsworthy และ E.B. Norman ซึ่งทรงแปลบทละครเรื่องนี้เป็นภาษาไทยชื่อว่า “มิตรแท้” โดยทรงนำชื่อตัวละครในเรื่องมาเป็นชื่อของพระตำหนัก ปัจจุบันพระตำหนักนี้ เป็นพิพิธภัณฑ์พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระตำหนักทับแก้ว เป็นตึกหลังเล็ก 2 ชั้น แบบตะวันตก เคยใช้เป็นที่ประทับในฤดูหนาว ภายในมีเตาผิงและหลังคามีปล่องไฟตามแบบบ้านตะวันตก ที่ห้องโถงกลางชั้นบน มีหินอ่อนสีขาวบนผนังเหนือเตาผิง มีภาพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คล้ายเขียนด้วยเส้นดินสอดำ สันนิษฐานว่าเป็นภาพฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระตำหนักนี้ยังเคยใช้เป็นที่ตั้งของกองบัญชาการเสือป่ากองเสนาน้อยราบเบารักษาพระองค์ ปัจจุบันที่ดินบริเวณด้านหลังพระตำหนักฯ ประมาณ 450 ไร่ ได้กลายเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยศิลปากร และทางสำนักพระราชวังได้อนุญาตให้สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย ดำเนินการจัดแสดงเป็น “พิพิธภัณฑ์คณะฟุตบอลแห่งสยาม” ณ พระตำหนักทับแก้ว เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระราชกรณียกิจด้านกีฬาฟุตบอลในสยาม พระตำหนักทับขวัญ เป็นพระตำหนักแบบเรือนไทยภาคกลางหมู่ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นแบบอย่างของสถาปัตยกรรมเรือนไทยชั้นครู สร้างด้วยไม้สักทอง ใช้วิธีเข้าไม้ตามแบบฉบับบ้านไทยโบราณ นายช่างผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ พระยาวิศุกรรมศิลป์ประสิทธิ์ (น้อย ศิลป์) พระตำหนักฯ ประกอบด้วยกลุ่มเรือน 8 หลัง ได้แก่ เรือนใหญ่ 4 หลัง เรือนเล็ก 4 หลัง สร้างให้หันหน้าเข้าหากัน 4 ทิศบนชานรูปสี่เหลี่ยม เรือนหลังใหญ่ 2 หลัง เป็นหอนอน อีก 2 หลัง เป็นเรือนโถงและเรือนครัวซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน ส่วนเรือนเล็กอีก 4 หลังนั้นตั้งอยู่ตรงมุมสี่มุม ๆ ละ 1 หลัง ได้แก่ หอนก 2 หลัง เรือนคนใช้และเรือนเก็บของ เรือนทุกหลังมีชานเรือนเชื่อมกันโดยตลอด บริเวณกลางชานเรือนปลูกต้นจันทน์แผ่กิ่งก้านไว้ให้ร่มเงา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักใหม่ เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2454 พระองค์ได้ประทับแรม ณ พระตำหนักองค์นี้เป็นเวลา 1 คืน และเมื่อมีการซ้อมรบเสือป่า พระตำหนักองค์นี้ใช้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการเสือป่าราบหนักรักษาพระองค์ เทวาลัยคเณศร์ หรือเรียกว่า ศาลพระพิฆเนศวร อยู่กลางสนามหญ้าใหญ่ของพระราชวังสนามจันทร์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลเทพารักษ์ขึ้นสำหรับพระราชวังสนามจันทร์ ประดิษฐานพระพิฆเนศวร ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปวิทยาการ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเมื่อมองจากพระที่นั่งพิมานปฐมจะเห็นพระปฐมเจดีย์ เทวาลัยคเณศร์ และพระที่นั่งพิมานปฐมอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน ศาลนี้เป็นศูนย์กลางของพระราชวังฯ มีผู้ศรัทธานับถือกันมาก จนถือเป็นสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของพระราชวังสนามจันทร์ อนุสาวรีย์ย่าเหล เป็นอนุสาวรีย์รูปหล่อด้วยโลหะขนาดเท่าสุนัขจริง ย่าเหลเป็นสุนัขพันทางขนยาวปุกปุย หางเป็นพวง สีขาวด่างดำ หูตก เกิดในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เป็นสุนัขของหลวงชัยอาญา (โพธิ์ เคหะนันท์) ซึ่งเป็นพะทำมะรง (ผู้ควบคุมนักโทษ) พระองค์ทรงพบเข้าเมื่อครั้งเสด็จฯ ตรวจเรือนจำ ทรงพอพระราชหฤทัยและทรงนำย่าเหลมาเลี้ยงไว้ในราชสำนัก ด้วยความที่ย่าเหลเป็นสุนัขที่เฉลียวฉลาดและจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านจนเป็นที่โปรดปราน เป็นเหตุให้มีผู้อิจฉาริษยาและลอบยิงย่าเหลตายในที่สุด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโศกเศร้าอาลัยย่าเหลมาก ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปย่าเหลด้วยทองแดงตั้งไว้หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และทรงพระราชนิพนธ์กลอนไว้อาลัยย่าเหล ติดไว้ที่แท่นใต้รูปหล่อนั้นด้วย นอกจากนี้ ภายในพระราชวังสนามจันทร์ยังมีบ้านพักข้าราชบริพารทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในที่ตามเสด็จ บ้านพักเหล่านี้ บางหลังก็ชำรุดทรุดโทรม แต่หลายหลังยังอยู่ในสภาพดีที่เห็นได้ก็คือ บ้านพักเจ้าพระยารามราฆพ ผู้สำเร็จราชการมหาดเล็ก ซึ่งครั้งนั้นเรียกว่า “ทับเจริญ” ปัจจุบันนี้เป็นที่ตั้งสถาบันวัฒนธรรมภูมิภาคตะวันตก มหาวิทยาลัยศิลปากร สถาบันวัฒนธรรมภูมิภาคตะวันตก มหาวิทยาลัยศิลปากร อยู่ที่ตำหนักทับเจริญ ภายในพระราชวังฯ แต่เดิมเป็นบ้านพักของเจ้าพระยารามราฆพ ผู้สำเร็จราชการมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นสถาบันที่รวบรวมผลงานด้านวัฒนธรรม เชิดชูภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่น ภายในอาคารมีห้องแสดงผลงานศิลปะของ อาจารย์พิน อินฟ้าแสง ห้องศิลปวัตถุ ห้องงานหัตถกรรม ห้องหุ่นกระบอกคุณยายสาหร่าย ช่วยสมบูรณ์ ปัจจุบันพระราชวังสนามจันทร์ ไม่อนุญาตให้เข้าชมด้านในตัวอาคาร แต่สามารถชมบริเวณรอบนอกและเปิดให้ประชาชนเข้าไปออกกำลังกายได้ ในช่วงเช้าเวลา 05.00-09.00 น. และช่วงเย็น เวลา 16.00-20.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และควรแต่งกายสุภาพสวมเสื้อมีแขน กระโปรงหรือกางเกงคลุมเข่า เพราะเป็นเขตพระราชฐาน สอบถามข้อมูล โทร. 0 3424 4236-7
อ่านต่อ