



เดิมเป็นวัดเก่าแก่รกร้างมาเป็นเวลานาน ตั้งแต่สมัยที่เมืองนครปฐมโบราณถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้าง จนเมื่อสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานนามวัดนี้ว่า ‘วัดพระเมรุ’ จากลักษณะสัณฐานเดิมที่เป็นมูลดินกลมขนาดความกว้าง 8 เมตร สูง 10 เมตร ซึ่งเห็นเป็นซากอิฐปรักหักพังถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าและต้นไม้ใหญ่อย่างหนาแน่น ทำให้ชาวบ้านคิดว่าเป็นพระเมรุของพระมหากษัตริย์ในสมัยก่อนโบราณสถานของวัดแห่งนี้ได้ถูกรื้อทำลายอยู่หลายครั้ง ทั้งการขุดค้นหาสมบัติ การนำอิฐไปถมถนน และขนอิฐไปใช้ทำสิ่งก่อสร้างในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ต่อมาในระหว่าง พ.ศ. 2481- พ.ศ. 2482 จึงได้รับการขุดค้นและขุดแต่งโดยกรมศิลปากรร่วมกับสำนักฝรั่งเศสแห่งปลายบูรพาทิศ ซึ่งผลการขุดค้นในครั้งนี้ถือเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขปริศนาเกี่ยวกับโบราณสถานแห่งนี้ และภายในวัดพระเมรุยังมีพระพุทธรูปที่งดงามอยู่หลายองค์ เช่น พระพุทธรูปประทับห้อยพระบาทศิลาขาว ทำจากศิลาสีขาว และพระพุทธรูปห้อยพระบาทศิลาเขียว ทำจากหินปูนสีเขียวแก่ ซึ่งกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนวัดพระเมรุเป็นโบราณสถานแห่งชาติ หากแต่ในปัจจุบันโบราณสถานวัดพระเมรุได้ขาดการบำรุงรักษาให้คงสภาพของโบราณสถานที่ได้ขุดแต่งเอาไว้ในครั้งอดีต จึงทำให้มีต้นไม้ขึ้นเป็นพงรกรุงรังดังที่เห็นจากสภาพในปัจจุบัน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. +66 3475 2847-8